#ถ้าการเมืองดี วงการหนังสือจะเป็นยังไง
#ถ้าการเมืองดี แฮชแท็กในทวิตเตอร์ที่บอกให้เรารู้ว่าการเมืองส่งผลอย่างไรได้บ้างต่อปัจเจกบุคคล สังคม และประเทศชาติ มีการแชร์ความคิด ความเป็นไปได้ หรือความจริงมากมายจนยอดทวีตสูงติดอันดับประเทศ ลองมาคิดดูกันว่า ถ้าการเมืองดี…วงการหนังสือจะเป็นอย่างไร
เราจะอ่านอะไรก็ได้
#ถ้าการเมืองดี พรมแดนการอ่านและความรู้ของคนไทยจะกว้างขวางขึ้น ได้อ่านสิ่งที่อยากอ่าน คงไม่มีหนังสือที่ห้ามอ่าน–ห้ามเผยแพร่ ได้รับข้อมูลและข่าวสารโดยไม่ถูกปิดกั้น วรรณกรรมและงานเขียนสามารถส่งเสียงได้จากทุกฝักฝ่าย ไม่แบ่งแยก กีดกัน เซ็นเซอร์ หรือโกรธเคืองเมื่อมีเนื้อหาไปจี้ใจดำเข้า
เราจะมีผู้นำฉลาดๆ
#ถ้าการเมืองดี เราจะได้ผู้นำที่มีความรู้และความสามารถเหมาะสมกับตำแหน่งหน้าที่ มีวิสัยทัศน์กว้างไกลที่สั่งสมจากการอ่านและรับรู้ข่าวสารที่เป็นสากล จัดสรรงานจากศักยภาพของบุคคลไม่ใช่ผลประโยชน์พวกพ้อง เป็นที่เชื่อมั่นและน่าชื่นชม เหมือนกับ บารัค โอบามา จัสติน ทรูโด อังเกลา แมร์เคิล และไช่ อิงเหวิน
คนไกลจะได้กลับบ้าน
#ถ้าการเมืองดี นักเขียนมือรางวัลคงได้กลับคืนสู่มาตุภูมิอย่างปลอดภัย ได้ใช้ชีวิตปกติสุข มีแรงกายและใจในการสร้างสรรค์ผลงานเพื่อเสริมสร้างวงการวรรณกรรม ไม่ต้องระเห็จไปอยู่ต่างบ้านต่างแดนเพียงเพราะความเห็นต่าง และความขัดแย้งทางความคิด
หนังสือจะไม่ใช่ของแพง
#ถ้าการเมืองดี เราจะมีรัฐบาลที่เห็นคุณค่าการอ่านและส่งเสริมอุตสาหกรรมหนังสือ มีนโยบายที่เกื้อหนุนผู้ผลิต ผู้ค้า และผู้บริโภค เช่น ลดหย่อนภาษีให้ธุรกิจผลิตหนังสือ หรือลดภาษีมูลค่าเพิ่ม กำหนดราคาคงที่ การขนส่งโดยภาครัฐ กำหนดอัตราราคาการฝาก–ขาย ควบคุมราคาผลิตภัณฑ์เพื่อการผลิต เมื่อต้นทุนต่ำลง ราคาหนังสือก็ถูกลงได้ คนซื้อยิ้ม คนทำก็ยิ้ม
ตำราเรียนจะสอนทุกเรื่อง
#ถ้าการเมืองดี ภาคการศึกษาจะเปิดกว้างและเข้าถึงมิติต่างๆ ในสังคมอย่างแท้จริง มีจัดสรรตำราเรียนที่ให้ข้อมูลครบถ้วนและทันสมัย ไม่ลบ ไม่บิดเบือน ไม่ครอบงำความคิด ไม่ตีกรอบบทบาททางเพศหรือวิถีชีวิต แต่ส่งเสริมการศึกษาข้อมูลอย่างรอบคอบและมีวิจารณญาณ
นักเขียนไทยจะได้ไประดับโลก
#ถ้าการเมืองดี ภาครัฐก็คงเห็นคุณค่าและมูลค่าที่จะเกิดจากการเผยแพร่ผลงานของนักเขียน มีเงินทุนเพื่อการผลิตและการแปลวรรณกรรม เพื่อส่งออกสินค้าทางวัฒนธรรมไปสู่สากลอย่างที่หลายประเทศในโลกทำกัน นานาชาติจะได้เห็นความสามารถของนักเขียนไทยที่เก่งไม่แพ้ชาติไหน (แต่แพ้ทางชาติตัวเองนี่ละ)
วงการหนังสือจะอยู่รอด
#ถ้าการเมืองดี รัฐจะให้ความสำคัญและทุ่มเทกับขุมทรัพย์ทางปัญญานี้ เราจะมียุทธศาสตร์ที่ส่งเสริมวัฒนธรรมการอ่านให้ยั่งยืนอย่างจริงจัง มีงบประมาณสนับสนุนเพื่อพัฒนาวงการหนังสือปีละพันล้านแบบบางประเทศ (ไม่ใช่ปีละสิบล้านบาท) ซึ่งจะครอบคลุมการสร้างสรรค์ การผลิต การพิมพ์ การกระจาย และการจัดจำหน่ายให้เกิดประโยชน์สูงสุด มีงบให้ท้องถิ่นไปพัฒนาห้องสมุดชุมชนที่ทันสมัยและพร้อมไปด้วยวรรณกรรมคุณภาพจากนักเขียนไทยและสากล มีมาตราการจากสถาบันการเงินเพื่อเอื้อเฟื้อเงินกู้ให้กิจการร้านหนังสือระดับชุมชน และเราอาจจะสร้างสถาบันวิชาชีพที่สอนอาชีพเกี่ยวกับหนังสือ มีการวิจัยและพัฒนาหนังสือและสื่อที่ตอบสนองทุกคนในสังคม เช่น กลุ่มมีปัญหาทางการอ่าน รวมทั้งต่อยอดองค์ความรู้ทางวัฒนธรรมจากงานเขียนกลุ่มชาติพันธุ์ หรืองานภาษาถิ่น เป็นต้น
แล้วคุณละ คิดว่า #ถ้าการเมืองดี วงการหนังสือจะเป็นอย่างไร